24 เมษายน 2550

คนขี่เสือ




กกกสองบาทคิดขึ้นขี่..........สี่บาท
อาจควบเพชฌฆาตร...........เขื่องเขี้ยว
มาดหมายยึดอำนาจ...........ชาติพยัคฆ์
บ่ยั่นความกราดเกรี้ยว.........กร่างกล้าท้าฟัน

กกกกสองสัตว์ประหัตห้าว....เหี้ยมหาญ
จวบพลบจบรัตติกาล...........ศศิแจ้ง
สี่บาทพลาดเกียรติขาล........คนข่ม
สองบาทขยับแข้ง..............ขนาบข้างร่างพยัคฆ์

กกกสี่บาทประมาทแม้........เพียงนิด
เคืองขุ่นคอยครุ่นคิด..........เกียรติกู้
หมายมาดฆาตรชีวิต..........คนขี่
รอเมื่อมันเสียรู้.................ปลิดสิ้นวิญญาณ์

กกกสนุกนึกสำนึกได้........สายเกิน
สองบาทองอาจเพลิน........ยากย้อน
ทางใดกลับลงเดิน............ด้วยบาท ตนเฮย
หากพลาดอาจเดือดร้อน.....มอดม้วยมรณา

กกกสี่บาทยังรู้พลาด.........พลั้งผิด
คนจึ่งควรพินิจ................ถี่ถ้วน
ประสงค์กระทำกิจ-..........การสรรพ
ตรองไตร่ทุกเรื่องล้วน.......ผ่อนร้ายกลายเบา


________________________________________________


ครั้งหนึ่งได้อ่านเรื่อง "คนขี่เสือ" ที่จิตร ภูมิศักดิ์ได้ถอดความไว้ หนังสือเล่มนี้ได้อ่านจากคำแนะนำและการสรรหามาให้ถึงที่ของพี่เลี้ยงที่ผมรักที่สุด หนังสือเล่มนี้จึงมีทั้งคุณค่าจากทางจิตใจและเพิ่มปัญญาให้ได้เรียนรู้ชีวิตมากขึ้น ขอบคุณสำหรับความหวังดีนี้จริง รักและคิดถึงพี่เลี้ยงคนนั้นจนถึงทุกวันนี้

21 เมษายน 2550

กวีนิพนธ์เล่มเก่า


'ชีวิตคือความอ้างว้างอันแสนอุ่น' *
ในม่านฝุ่นบนปกและสันชั้นหนังสือ
วันเวลาแสนนานเหล่านั้นคือ
ความหลงลืมที่กระพือเข้าปกคลุม **

ค่อยคลี่ทีละหน้า-ทีละหน้า
บางทรงจำล้ำค่าคล้ายรอยหลุม
กลายสีซีดเหลืองจางในบางมุม
ครั้งน้ำตาชื้นชุ่มสะเทือนใจ

คือหนังสือกวีนิพนธ์ของคนเศร้า
ระบายเหงางดงามยามหวามไหว
กลายรสแห่งความหมางของบางใคร
ถ่ายทอดไว้วาดคำย้ำอารมณ์

ค่อยปัดฝุ่น ฟุ้งเหงาจนเข้าใจ
รสอักษรตอนใดให้โศกสม
นึกภาพผ่านฝุ่นอักษรที่นอนจม
เจ้าโศกตรมเสียใจเพียงไรแล้ว


--------------------------------------------------------------------------------
* อักษรตัวหนาและเอียง
จากเรื่องสั้น 'นัยน์ตากระต่าย' ของ ชัชวาลย์ โครตสงคราม
** ทั้งบทแรก

จากกวีนิพนธ์ คนรักของความเศร้า ของ อังคาร จันทาทิพย์ ในบท 'ฝุ่นบนชั้นหนังสือ'

ไผ่


มนต์มารุตร่ายบรรเลงบทเพลงไผ่
กิ่งก้านไกวเสียดเสนาะเพราะผสาน
ว่าหวีดหวิวพลิ้วพรมอารมณ์สราญ
เกิดกวีกลอนกานท์ล้านทำนอง

บ้างเอนไหวโยกย้ายคล้ายระบำ
บ้างกระแทกกระทบทำจังหวะก้อง
ยามปลิดใบลานเหลืองเรืองดั่งทอง
ช่างชวนมองม่านงามตามลมปลิว

หลายหลากใบร่วงหล่นบนผืนน้ำ
คล้ายหลากลำเรือน้อยลอยพื้นผิว
จัดขบวนยุตยาตรวาดแถวทิว
ละแล่นลิ่วล่องไหลในธารา

จึงจารภาพพร้อมเสียงสำเนียงศิลป์
ครั้งเคยยินชมชื่นรื่นหนักหนา
ตราตรึงร้อยถ้อยคำพร่ำพรรณา
เพื่อรักษาสืบไว้ในรอยจำ



-------------------------------------------------------------------------------
นานนักจะชมธรรมชาติได้สักครั้ง
สุดท้ายก็วาดความหวังอย่างตั้งใจลงบนผืนแผ่นกระดาษจนได้
สำหรับ 'ไผ่' ได้นำเสนอต่อเพื่อนผองน้องพี่ครั้งแรกในบ้านกลอนไทย
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 ยามเช้านั้น

อีกครั้งที่นำความภูมิใจมาเสริมสร้างในช่องว่างของใจ
เมื่อ 'ไผ่' ได้ถูกคัดเลือกเป็นหนึ่งในสิบบทกลอนเพื่อพิมพ์เป็นหนังสือ
เพื่อเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายในวิชาการประพันธ์ร้อยกรอง (prose writing)
เป็นผลให้ผู้แต่งได้รับเกรดที่ดีจากการศึกษา
อีกทั้งยังได้รับคำวิจารณ์จาก อ.สุพรรณ ทองคล้อย (แรคำ ประโดยคำ)
ว่า 'ไผ่' นั้นเป็นผลงานที่ดีที่สุดในสิบผลงานนั้น